หมอกควัน ไฟป่าเหนือวิกฤตอีกระลอก แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดประสานผู้ว่าฯ ออกคำสั่งปิดป่าเด็ดขาดตัดวงจรเผา พร้อมให้ล่าตัวดำเนินคดี ขณะที่พ่อเมืองเชียงใหม่เรียกประชุมด่วนบ่ายนี้ ขณะที่รองฯคมสันนำพิธีสาปแช่งคนเผาป่าในพื้นที่ออบหลวง-อินทนนท์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ ไฟป่าหมอกควัน และการเพิ่มสูงขึ้นของค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน PM 10 และ PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยเริ่มกลับมาวิกฤติอีกครั้ง กองควบคุมสถานการณ์หมอกควันไฟป่าภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 แจ้งการตรวจพบจุดความร้อน Hotspot จำนวน 1,397 จุด ณ วันที่ 11 มี.ค 62 เวลา 01.54 น.จากข้อมูลดาวเทียมระบบ VIIRS พบว่าจังหวัดลำปางมีจุดความร้อน จำนวน 306 จุด จังหวัดน่าน จำนวน 238 จุด จังหวัดแพร่ จำนวน 223 จุด จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 185 จุด จังหวัดพะเยา จำนวน 157 จุด จังหวัดแม่ฮ่องสอนจำนวน 115 จุด จังหวัดตาก จำนวน 88 จุด จังหวัดลำพูน จำนวน 81 จุดและจังหวัดเชียงราย จำนวน 4 จุด รวมทั้งหมดจำนวน 1,397 จุด
ต่อมาพล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้แจ้งในกลุ่มไลน์ควบคุมสถานการณ์หมอกควันฯกองทัพภาคที่ 3 ว่า พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 ให้ผู้บัญชา การ กองกำลัง รักษาความสงบเรียบร้อย จังหวัด ประสานกับตำรวจภูธรจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด ในกรณีตรวจพบการเผาป่าให้ตรวจสอบ สืบสวนและหาตัว มาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และขณะเดียวกัน ให้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดให้ออกคำสั่ง การปิดป่าอย่างเด็ดขาดเช่นกัน ซึ่งหมายความว่าต้องไม่มีใครเข้าไปอยู่ในป่าเพื่อมีโอกาสในการทำให้เกิดไฟไหม้หรือวางเพลิงได้อีกแล้ว
ในขณะเดียวกัน ฉก.เหยี่ยวไฟ กรมป่าไม้ แจ้งว่า ขณะนี้สถานะการณ์ไฟป่า ดอยพระบาท อ.เมืองลำปางได้คลี่คลายลงมากแล้ว ชุดปฎิบัติการพิเศษดับไฟป่า(เหยี่ยวไฟ กรมป่าไม้) ขออนุญาตเคลื่อนย้ายกำลังพลจำนวน 120 นาย ไปปฎิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดแพร่และจังหวัดน่าน ซึ่งขณะนี้มีจำนวนจุด HP เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนทางด้านจ.เชียงใหม่ บก.ควบคุม กกล.รส.จว.ช.ม. แจ้งข้อมูลค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5, PM10 และ AQI อำเภอในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 11 มี.ค. 62 เวลา 09.00 น.โดยพบว่าอ.เชียงดาวมีจุดความร้อนมากที่สุด 37 จุด ค่า PM2.5 อยู่ที่173 ไมโครกรัมต่อลบ.ม.และค่าPM10 อยู่ที่ 194.2 ไมโครกรัมต่อลบ.ม.อำเภอแม่วางพบจุดความร้อน 8 จุดแต่ค่าPM2.5 เท่ากับ 123.57 ไมโครกรัมต่อลบ.ม.และPM10 อ.ไชยปราการมีจุดความร้อน 30 จุดและฝาก 16 จุด
ขณะที่นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ ว่า จากที่ได้มีการติดตามและคาดการณ์แล้วว่าคุณภาพอากาศจะเริ่มไม่ดี เนื่องจากความกดอากาศสูงเริ่มแผ่มาปกคลุมภาคเหนือตอนบน ประกอบกับฝุ่นละออง ทั้งจากการเผาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ได้ถูกกระแสลมพัดเข้าสะสมในเขตเมืองซึ่งเป็นแอ่งกะทะ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทุกอำเภอเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบและปิดป่าไปในหลายพื้นที่แล้ว เช่นอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย แต่ก็ยังมีการฝ่าฝืน กรณีพื้นที่ตำบลแม่เหียะ ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งนายอำเภอ นายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พร้อมสั่งการ ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดข้อหาก่อให้เกิดไฟป่าในหลายพื้นที่
โดยเช้าในวันนี้(11 มี.ค.)ได้สั่งการให้ฉีดพ่นเพิ่มละอองน้ำในเขตชุมชน โดย เทศบาลนครเชียงใหม่ได้นำรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่รอบคูเมือง และ อบจ.เชียงใหม่ นำรถฉีดพ่นละอองน้ำ บริเวณโรงอาหารศูนย์ราชการ เพื่อลดค่าฝุ่นละออง และบ่ายวันนี้ได้เรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหานี้ให้เกิดความต่อเนื่อง จริงจัง
ส่วนทางด้านนายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า คุณภาพอากาศนับจากวันนี้(11 มี.ค.)ไปอากาศจะไม่ดี เนื่องจากความกดอากาศสูงเริ่มแผ่มาปกคลุมภาคเหนือตอนบน ประกอบกับฝุ่นละอองทั้งจากการเผาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงได้ถูกกระแสลมพัดเข้าสะสมในเขตเมืองซึ่งเป็นแอ่งกะทะอีกด้วย ทางจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทุกอำเภอเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบและปิดป่าไปในหลายพื้นที่อยู่แล้ว เช่นอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย แตก็ยังมีการฝ่าฝืน กรณีพื้นที่ ต.แม่เหียะ จึงได้เรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งนายอำเภอ นายก อบต. และกำนัน/ผญบ. ทสจ. สบอ.15 อส./สจป.1 กปม. มาประชุมสั่งการตั่งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว สำหรับการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดข้อหาก่อให้เกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ ทั้งนี้จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศค่าเฉลี่ยตลอด 24 ชั่วโมงพบว่าคุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตามตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณภาพอากาศเฉลี่ยของเชียงใหม่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
“สำหรับการตรวจพบจุดความร้อนทางจังหวัดใช้ฐานข้อมูลดาวเทียมทั้ง 2 ระบบ โดยจุดความร้อนจากดาวเทียมระบบ VIIRS ใช้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ผู้ดับไฟให้เข้าถึงไฟได้อย่างถูกต้องและดับได้อย่างรวดเร็ว เพื่อมิให้เกิดเป็นจุดHP ขนาดใหญ่ ที่ดาวเทียมระบบ MODIS จะตรวจจับได้อีกครั้ง การรายงานสถิติการเกิดจุดHPอย่างเป็นทางการจะใช้จุดHPของดาวเทียมระบบ MODIS”
ขณะที่นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผวจ.เชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการการประชุมเพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควัน ในพื้นที่บูรณาการความร่วมมือ ณ หน่วยจัดการต้นน้ำแม่กลาง ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง พร้อมกับ“พิธีสาปแช่ง คนเผาป่า” ซึ่งเป็นแนวทางการจัดการไฟป่า หมอกควันแบบบูรณาการความร่วมมือแบบไร้รอยต่อ เพื่อเสริมสร้างและสนับสนุนการดำเนินงานของเครือข่ายภาคประชาชนให้เข้ามาเป็นกลไกในการเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควัน และบูรณาการความร่วมมือ ทุกภาคส่วนร่วมแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาบทเรียนการทำงานเชิงพื้นที่ สู่การจัดการฐานทรัพยากรอย่างยั่งยืน และขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นๆ .
