แม่ทัพน้อยที่ 3 กำชับทหารเข้าลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงระดับตำบล จับผู้ลักลอบเผาป่าได้ 337 คดีได้ผู้ต้องหา 215 ราย

แม่ทัพน้อยที่ 3 กำชับทหารเข้าลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงระดับตำบล จับผู้ลักลอบเผาป่าได้ 337 คดีได้ผู้ต้องหา 215 ราย

แม่ทัพน้อยที่ 3 กำชับทหารเข้าลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงระดับตำบล ขณะที่ศูนย์อำนวยการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาคส่วนหน้าสรุปผลการดำเนินงานเดือน มี.ค.61 พื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ พบจุดความร้อนลดลง

ภายหลังที่ พล.ท.วิจักขฐ์   สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค มีดำริให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด/ศูนย์อำนวยการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัด 9 จังหวัดภาคเหนือประกาศปิดป่าโดยมีเงื่อนไขในห้วงวันที่ 25 ถึง 31 มีนาคม 2561

พล.ท.สมพงษ์  แจ้งจำรัส  แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาคส่วนหน้ากล่าวว่า  ศูนย์อำนวยการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาคส่วนหน้า สรุปผลการดำเนินงาน (ห้วงปิดป่าอย่างมีเงื่อนไข) ห้วง 25-31 มี.ค.61   เกิดจุดความร้อนทั้งสิ้น 313 จุดโดยมีพื้นที่ที่เกิดจุดความร้อนสะสมสูงสุดตามลำดับ ได้แก่ อำเภอ แม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 102 จุด , อำเภอ แม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน  จำนวน  36  จุดและ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 28 จุด โดยสรุปห้วงดังกล่าวมีจุดความร้อนสะสมลดลง  52  จุด ลดลง   14.26 %      ทั้งนี้ได้ประชุมสั่งการให้ชุดรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันทั้ง 14 ชุด รวมทั้ง กองกำลังรักษาความสงบตามแนวชายแดน 2 กองกำลัง ได้แก่กองกำลังนเรศวร และกองกำลังผาเมือง  เข้าลาดตระเวนร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เสี่ยงถึงระดับตำบลเพื่อป้องปรามผู้ที่ลักลอบเผาป่า ในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์  และร่วมกับทางจังหวัดเพื่อดำเนินการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจกับผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ ให้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง พร้อมสร้างความชุ่มชื้นในค่ายทหารและบริเวณโดยรอบ สร้างฝาย ทำแนวกันไฟจำนวน กว่า 2,000 ครั้ง เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน

แม่ทัพน้อยที่ 3 ผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาคส่วนหน้า กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเดือน เม.ย. ปีนี้ตั้งเป้าลดจุดความร้อนลดลงจากปี 60 จำนวน 40 % ตามนโยบายแม่ทัพภาคที่ 3 โดยใช้การลาดตระเวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครองและการจับกุมเป็นหลัก

ทั้งนี้ผลการจับกุมผู้ลักลอบเผาป่าและลักลอบเผาในห้วงเวลาห้ามเผาเด็ดขาดตั้งแต่ 1 ม.ค. เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน มีผลการจับกุม ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484, ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ของตำรวจภูธรภาค 5 และภาค 6 รวมทั้งสิ้น 337 คดี จำนวนผู้ต้องหา 215 ราย.

You may also like

อาดิดาสเปิดตัว ADIDAS OUTLET CENTRAL CHIANGMAI AIRPORT พร้อมส่งโปรฯ แรง ฉลองสาขาใหม่ใหญ่สุดในภาคเหนือ มอบส่วนลดกว่า 60% ให้เหล่าขาช้อป

จำนวนผู้