เปิดโรงเรียนผู้สูงอายุบ้านแม่ผาแหน ยกคุณภาพชีวิต-ขจัดปัญหาผู้สูงวัย

เปิดโรงเรียนผู้สูงอายุบ้านแม่ผาแหน ยกคุณภาพชีวิต-ขจัดปัญหาผู้สูงวัย

เชียงใหม่ (25 พ.ย.60) / สภาผู้นำบ้านแม่ผาแหน จับมือสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม ผุดโรงเรียนผู้สูงอายุ ลดความเครียดให้คนแก่จากภาวะถูกทอดทิ้ง-ครอบครัวมีหนี้สิน เน้นสอน 3 วิชาหลัก สุขภาพ-เกษตร-ภูมิปัญญา ขณะที่เทศบาล รับลูกเตรียมใช้เป็นต้นแบบขยายผลสู่พื้นที่อื่นให้ครอบคลุมทั้งตำบลออนใต้นายศานต์ภิสิทธิ์ ปัญญาทิพย์ ผู้รับผิดชอบโครงการสร้างเสริมครอบครัวอบอุ่นหมู่บ้านแม่ผาแหน เปิดเผยว่า จากการที่หมู่บ้านแม่ผาแหน หมู่ 6 ต.ออนใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินโครงการสร้างเสริมครอบครัวอบอุ่นมาได้ระยะหนึ่ง โดยเน้นไปที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุ ล่าสุดในวันนี้ (25 พ.ย.) ก็ได้เปิดโรงเรียนผู้สูงอายุขึ้นอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น เนื่องจากผลสำรวจของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หมู่ 6 บ้านแม่ผาแหน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ตามแบบประเมินครอบครัวอบอุ่น พบว่าจาก 184 ครัวเรือนของหมู่บ้าน เป็นครอบครัวผู้สูงอายุถึง 136 ครัวเรือน หรือคิดเป็น 73% ของครัวเรือนทั้งหมด แต่เมื่อลงลึกในด้านสัมพันธภาพในครอบครัวกลับอยู่ในระดับตกต่ำ ผู้สูงอายุถูกละเลย ทอดทิ้งให้อยู่บ้านเพียงลำพัง เป็นภาระของสังคม ซ้ำยังเจอปัญหาคนในชุมชนมีพฤติกรรมสุขภาพไม่เหมาะสม ออกกำลังกายน้อย และแทบจะนับหลังคาเรือนได้ที่ปลูกผักปลอดสารเคมีไว้กินเองข้อมูลดังกล่าว สภาผู้นำชุมชนบ้านแม่ผาแหนที่มาจากตัวแทนของทุกกลุ่มในชุมชนจำนวน 40 คน นำมาวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นใน 3 ด้าน คือด้านสุขภาพ มีผู้สูงอายุติดเตียง 3 ราย ติดบ้าน 13 ราย ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง 96 ราย เกิดอุบัติเหตุจากการใช้ชีวิตประจำวัน 2 ราย ภาวะสมองเสื่อม 2 ราย ข้อเข่าเสื่อม 24 ราย และภาวะเครียด ซึมเศร้า 5 รายด้านสังคม ผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งให้อยู่บ้านตามลำพัง ลูกหลานไม่ดูแล ความเชื่อมั่นในตนเองลดลง รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไร้เกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรี และปฏิบัติศาสนกิจน้อยลง ขณะที่ด้านเศรษฐกิจ ภายในชุมชนไม่มีงานให้ลูกหลานทำ ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ผู้สูงอายุไม่มีคนแบ่งเบาภาระ ต้องหางานหาเงินมาเลี้ยงชีพ มีภาระในการเลี้ยงหลาน ภาระค่าใช้จ่ายสวัสดิการสังคม เช่น เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ เงินออมผู้สูงอายุวันละบาท ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล มีสิทธิ์การรักษาแต่ก็มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปสถานพยาบาล“สภาผู้นำชุมชนบ้านแม่ผาแหนได้จัดเวทีประชาคมเพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้คนในชุมชนรับทราบ แล้วลงมติในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งชี้ชัดให้ปัญหาผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งอยู่บ้านเพียงลำพัง คือเรื่องที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน และการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้โรงเรียนผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ชุมชนเลือก โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม ของ สสส.” นายศานต์ภิสิทธิ์  กล่าวนายอนนท์ มโนวงค์  ผู้อำนวยการโรงเรียนผู้สูงอายุบ้านแม่ผาแหน กล่าวถึงหลักสูตร ว่าเน้น 3 วิชา ได้แก่ 1) วิชาสุขภาพอนามัย เช่น การปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง เหมาะสมกับวัย มีพฤติกรรมการกินอยู่ที่ปลอดภัย รู้จักอาหารเพื่อสุขภาพ สมุนไพร รับมือกับโรคภัยต่างๆ ได้ อาทิ โรคนอนไม่หลับ โรคซึมเศร้า 2) วิชาเกษตร ใช้โมเดลโคกหนองนา อันเป็นการผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่ เข้ากับภูมิปัญญาพื้นบ้านที่มีอยู่อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติในพื้นที่ ส่งเสริมให้มีการปลูกผักปลอดภัยเพื่อการบริโภคในครัวเรือน 3) วิชาภูมิปัญญา ดึงความรู้เรื่องงานใบตอง จักสาน ปักผ้า ทำขนมพื้นถิ่น ของคนในชุมชนขึ้นมา และเผยแพร่สู่กลุ่มผู้สูงอายุ รวมถึงเยาวชนในท้องถิ่นให้สามารถสืบสานต่อไปได้โรงเรียนผู้สูงอายุบ้านแม่ผาแหนจะเปิดเรียนทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.30-15.00 น. และทุกวันพุธกับวันศุกร์ ทางสภาผู้นำ จะประชุมร่วมกับคณะทำงาน เพื่อวางแผนการสอนให้เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของผู้สูงอายุด้านนายอรุณ โปธิตา ผู้ใหญ่บ้านแม่ผาแหน และหัวหน้าโครงการสร้างเสริมครอบครัวอบอุ่นหมู่บ้านแม่ผาแหน กล่าวเสริมว่าแม้จะมีโรงเรียนผู้สูงอายุ แต่การให้ความรู้เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนได้ ต้องสร้างความเข้าใจและตระหนักควบคู่กันไปด้วย เช่น เรื่องการปลูกผักปลอดสาร เริ่มจากการคุยกันว่าแต่ละวัน ครัวเรือนหนึ่งๆ จ่ายเงินซื้อผักเท่าไหร่ อาจจะแค่ 20 -30 บาท หากเมื่อรวมกัน 1 คุ้มบ้าน ตกวันละกี่บาท รวมเป็นเดือน เป็นปีก็สูงขึ้น  ซึ่งหมู่บ้านแม่ผาแหนแยกเป็น 7 คุ้มบ้าน นำรายจ่ายค่าผักจากทั้ง 7 คุ้มมาแจกแจง ก็จะเห็นได้ว่าในภาพรวมทั้งหมู่บ้านเสียเงินซื้อผักเดือนละนับแสนบาท ตกปีละ 1 ล้านบาทเศษ ดังนั้นถ้าปลูกผักกินเอง ก็จะประหยัดค่าใช้จ่าย และมีความปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่าเดิมขณะที่ นายประเวศน์ โปธิตา นายกเทศมนตรีตำบลออนใต้ ย้ำว่าโรงเรียนผู้สูงอายุบ้านแม่ผาแหน ได้นำร่องยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย อาศัยทุนเดิมที่มีในท้องถิ่น คือบุคลากรที่เป็นข้าราชการเกษียณ เช่น อาจารย์ ทหาร ตำรวจ ซึ่งยังเปี่ยมด้วยความรู้ ความสามารถ หากอยู่เฉยๆ อาจเป็นโรคซึมเศร้า ถ้าเข้ามาสอน หรือถ่ายทอดให้แก่บุคคลอื่นได้ ก็เท่ากับสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมท้องถิ่น ย่อมมองเห็นคุณค่า เกิดความภาคภูมิใจในตนเองทั้งนี้ จะพยายามขยายโรงเรียนผู้สูงอายุไปสู่หมู่บ้านอื่นๆ เนื่องจากทั้งตำบลมี 11 หมู่บ้าน ประชากรรวม 5,000 กว่าคน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุมากถึง 1,100 คน และปัญหาที่พบก็คล้ายคลึงกันคือโรคเครียด ซึมเศร้า ติดบ้าน รวมทั้งครอบครัวประสบภาวะหนี้สินนั่นเอง.

You may also like

“ส.ว.ก๊อง”ลั่นลงสมัครป้องกันแชมป์สมัยหน้าในนามพรรคเพื่อไทย แย้มครั้งนี้ “ทักษิณ” ขอเป็นผู้ช่วยหาเสียง พร้อมลงพื้นที่ 25 อำเภอ

จำนวนผู้