เปิดศูนย์บัญชาการไฟป่าและฝุ่นpm2.5 ระดมทรัพยากรและเทคโนโนโลยีหวังบรรเทาปัญหา

เปิดศูนย์บัญชาการไฟป่าและฝุ่นpm2.5 ระดมทรัพยากรและเทคโนโนโลยีหวังบรรเทาปัญหา

เชียงใหม่เปิดศูนย์บัญชาการไฟป่าและฝุ่นpm2.5  ระดมทรัพยากรและเทคโนโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการตั้งแต่จัดการเชื้อเพลิงไปจนถึงควบคุมสถานการณ์ ขณะที่สภาลมหายใจเน้นสร้างแนวร่วมชุมชนป้องกันไฟ เตรียมจัดหาอุปกรณ์ให้อีก 300 กว่าหมู่บ้าน ด้านผู้ว่าฯ ยันมุ่งบูรณการและทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น วางเป้าหมายชัดเจน เน้นใช้ประโยชน์จากโดรนและอากาศยานโดยแบ่งโซนปฏิบัติงาน

เมื่อวันที่ 7 ม.ค.64 ที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ ณ สำนักงาน​องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ​ เป็นประธานประชุมและเปิดศูนย์ฯ โดยมีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ให้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์และมีประสิทธิภาพ ตลอดจนให้การทำงานเกิดความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป็นศูนย์ปฎิบัติการในการอำนวยการปฏิบัติงานในด้านการป้องกัน บรรเทา และให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบปัญหาไฟป่า ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน พร้อมนำเสนอรูปแบบและวิธีการทำงานของระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศ PM 2.5 และแอปพลิเคชันการบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวลมาพัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้งานต่อไป

ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการศูนย์ฯ ซึ่งที่ผ่านมามีการทำงานเตรียมการของแต่ละภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและpm2.5 มาตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งไฟป่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่นอกเมืองและอยู่ในเขตป่าและการเผาในพื้นที่เกษตร ซึ่งในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติจะต้องมีการบริหารจัดการเชื้อเพลิง โดยขณะนี้แต่ละพื้นที่ได้มีแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงออกมาแล้ว แต่ในเมืองจะเป็นเรื่องของฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งต้องแสวงหามาตรการควบคุม แต่ก็ยังมีปัจจัยภายนอกที่เป็นตัวแปรด้วยเช่นสภาพภูมิอากาศซึ่งทำให้ยากต่อการควบคุม แต่จะมีวิธีบริหารจัดการอย่างไรเพื่อลดหรือบรรเทาปัญหาลง สิ่งสำคัญคือจะเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

“จากบทเรียนของปีที่ผ่านมา ในปีนี้จะมีการปรับกระบวนการทำงานในหลายๆ เรื่องทั้งภาคราชการ นักวิชาการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคมและประชาชน โดยขณะนี้สถานการณ์เริ่มส่อเค้าจึงต้องเปิดศูนย์บัญชาการฯโดยจะมีวอร์รูมที่รวมตัวแทนของแต่ละหน่วยงาน มีการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาเชื่อมโยงในการประสานและสั่งการ”นายเจริญฤทธิ์ กล่าวและว่า

ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้รับการประสานจากเลขาธิการคป4.ในการประสาน สนับสนุนเบี้ยประกันภัยให้กับจนท.และอาสาสมัครดับไฟป่า รวมทั้งบริษัทประกันภัยในการคุ้มครองทั้งกรณีเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตในห้วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม-10 พฤษภาคม 2564 รวมไปถึงคุ้มครองการขับขี่ การเดินทางด้วยในวงเงิน 1 แสนบาท และกรณีขาดรายได้จะได้รับการชดเชย 200 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 20 วัน ทั้งนี้อาสาสมัคร หรือจนท.ดับไฟป่าจะต้องมีหนังสือรับรองจากทางจังหวัด เบื้องต้นจะครอบคลุมอาสาสมัครดับไฟป่าที่จัดตั้งไว้แล้วประมาณ 3.5 หมื่นคน

ด้านนายชัชวาล ทองดีเลิศ ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวว่า สภาลมหายใจได้มีการเตรียมความพร้อมให้กับชุมชนในการป้องกันไฟป่า ซึ่งปีนี้พยายามจะจัดส่งอุปกรณ์การดับไฟให้เร็วขึ้นซึ่งคณะกรรมการของมูลนิธิฯได้อนุมัติงบประมาณ 2.3 ล้านบาทเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ดับไฟให้กับ 19 อำเภอ 300 กว่าหมู่บ้านเพื่อให้ชุมชนมีความพร้อมเต็มที่ในการป้องกันปัญหาไฟป่า นอกจากนี้ยังจะมีการเปิดบัญชี”ระดมพลังเพื่อลดฝุ่นควัน 2564”เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานป้องกันปัญหาไฟป่าและฝุ่นpm2.5 โดยบัญชีนี้จะมีตัวแทนของมูลนิธิสภาลมหายใจและตัวแทนจากทสจ.เชียงใหม่ด้วยเพื่อความโปร่งใสในการเบิกจ่ายใช้เงินบริจาค นอกจากนี้จะมีการจัดทำสื่อเพื่อรณรงค์ สื่อสารและขับเคลื่อนไปพร้อมกับการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ในปีนี้ทางจังหวัดตั้งเป้าหมายชัดเจนว่าใครจะทำอะไรและให้ความสำคัญกับตำบล หมู่บ้าน จะมีการทำงานและบูรณาการร่วมกันอย่างเข้มข้น จะปีนี้จะพยายามใช้ประโยชน์จากโดรนให้สูงสุดโดยแบ่งโซนการปฏิบัติงาน ซึ่งปีนี้จะมีการใช้ทั้งอากาศยานและโดรนในการทำงาน วางแผนร่วมกันเพื่อป้องกันความสับสน.

 

You may also like

builds มช. ขนทัพสตาร์ทอัพนักศึกษาคับคั่ง พิสูจน์ความสำเร็จ ตั้งบริษัทจริงระหว่างเรียน

จำนวนผู้