เชียงใหม่แจงพบผู้ติดเชื้่อใหม่เป็นการตรวจเชิงรุก อสม.ขอตัวอย่างผู้เดินทางจากภูเก็ตทุกรายไปตรวจแม้ไม่มีอาการ

เชียงใหม่แจงพบผู้ติดเชื้่อใหม่เป็นการตรวจเชิงรุก อสม.ขอตัวอย่างผู้เดินทางจากภูเก็ตทุกรายไปตรวจแม้ไม่มีอาการ

เผยผู้ติดเชื้อรายใหม่ของเชียงใหม่พบจากการขอเก็บตัวอย่างน้ำลายไปตรวจ เป็นการค้นหาเชิงรุกจากทีมโควิดหมู่บ้าน เนื่องจากเป็นผู้เดินทางจากภูเก็ตซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง และอยู่ระหว่างกักตัวที่บ้าน 14 วัน ผู้ว่าฯ+หมอขอความร่วมมือประชาชนสวมหน้ากากทุกครั้งที่ออกบ้านและปฏิบัติตามข้อแนะนำ พร้อมเตือนสถานประกอบการที่ผ่อนปรนให้ปฏิบัติตามเงื่อนไข หากตรวจพบสั่งปิดทันที

เมื่อวันที่ 14 พ.ค.63 ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่พร้อมด้วยนายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่และนายแพทย์สุเมธ องค์วรรณดีผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ของจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 1 ราย

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่นี้เป็นรายแรกหลังจากที่ 3 วันที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ซึ่งทราบผลจากห้องตรวจเชื้อเมื่อคืน(13 พ.ค.)ที่ผ่านมาและขณะนี้ได้นำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์แล้ว โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่นี้เป็นชายอายุ 39 ปีเป็นคนนอกพื้นที่แต่ซื้อบ้านอยู่ที่เชียงใหม่ เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจากภูเก็ตมากับภรรยาและลูกเมื่อวันที่ 1 พ.ค.และเดินทางถึงเชียงใหม่วันที่ 2 พ.ค.โดยได้รายงานตัวกับทีมงานโควิดหมู่บ้านและบันทึกรายงานบุคคลเข้าแผนเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ผ่านมา โดยระหว่างที่เดินทางมาจากภูเก็ตจนถึงเชียงใหม่ได้กักตัวอยู่ที่บ้าน สำหรับภรรยาและลูกผลตรวจห้องปฏิบัติการเป็นลบ

ด้านนพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดที่ยังพบการแพร่ระบาดในช่วง 4 สัปดาห์ซึ่งเดิมมี 18 จังหวัดแต่ขณะนี้เชียงใหม่ก็เป็นจังหวัดที่ 19 ที่มีการแพร่ระบาด โดยบุคคลที่เดินทางมาจากจังหวัดกลุ่มเสี่ยงหรือเสี่ยงสูงอย่างเช่นภูเก็ต ทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้ให้มีการตรวจหาเชื้อทันทีที่เข้ามาพำนัก ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ก็เช่นเดียวกันทางทีมโควิดหมู่บ้านได้ไปขอเก็บตัวอย่างน้ำลายเพื่อนำไปตรวจหาเชื้อ ซึ่งผู้ป่วยไม่มีอาการไข้ ไม่มีอาการไอ แต่มีน้ำลายเหนียว และยังได้กลิ่นและรสชาติปกติ แต่ผลตรวจห้องปฏิบัติการครั้งแรกให้ผลเป็นบวก

“สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ตขณะนี้มีจำนวน 149 ราย โดยทีมสอบสวนโรคได้ไปเก็บตัวอย่างเพื่อนำไปตรวจหาเชื้อ 131 ราย ซึ่งผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ในจำนวนนี้ด้วย  โดย 106 รายไม่พบเชื้อส่วนอีก 24 รายรอผลตรวจ ส่วนอีก 19 รายกำลังดำเนินการเพื่อขอนำสารคัดหลั่งหรือน้ำลายไปตรวจ สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อเดินทางจากภูเก็ตแวะเข้าห้องน้ำและซื้ออาหาร และแวะนอนที่ปั้มน้ำมันที่จ.นครปฐม 1 คืนถึงเชียงใหม่ก็กักตัว และออกไปซื้ออาหารโดยภรรยาจะเป็นคนลงไปซื้อและสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา”นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวและชี้แจงอีกว่า

จังหวัดเชียงใหม่ยังมีโอกาสที่จะพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก เพราะเราไม่สามารถปิดเมืองได้ เนื่องจากคนยังมีการสัญจรไปมาและหลายประเทศ หลายจังหวัดก็ยังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 อย่างไรก็ตามทางคณะกรรมการควบคุมโรคจะพยายามคัดกรองให้เร็วและให้มีผู้ป่วยให้น้อยที่สุด และจะพยายามควบคุมไม่ให้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต่อไปอีกว่า สิ่งที่อยากจะขอร้องพี่น้องประชาชนคือ ขอให้สวมใส่หน้ากากตลอดเวลาที่ออกนอกบ้าน และล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสใบหน้า ทิ้งระยะห่าง เพราะบางทีการที่จังหวัดเราไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มาเดือนกว่าอาจทำให้หลายคนละเลยและไม่ปฏิบัติตาม จึงต้องเน้นย้ำในเรื่องดังกล่าวด้วย

ส่วนทางด้านนายแพทย์สุเมธ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากตรวจพบเชื้อจากผู้ป่วยชายรายใหม่ที่มาจากภูเก็ตและผลเป็นบวก ได้มีการเก็บตัวอย่างซ้ำของภรรยาและลูกไปตรวจอีกรอบแล้ว ผลออกมาเป็นลบ ขณะที่ผู้ป่วยก็ยังเป็นบวกเช่นเดิม และยังได้พยายามค้นหาจากผู้ที่เดินทางจากภูเก็ต โดยเป็นการค้นหาเชิงรุกเพื่อตรวจหาเชื้อ นอกจากนี้ยังได้มีการสุ่มตรวจทั้งพนักงานขับรถ พนักงานร้านค้าต่างๆ ด้วย โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการตรวจไปแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ไม่พบเชื้อเลย  ทั้งนี้สคร.1 มีมาตรการที่จะเป็นการค้นหาเชิงรุก โดยตรวจหาเชื้อจากกลุ่มที่ทำงานในพื้นที่แออัด และทำงานที่สัมผัสกับชาวต่างชาติให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะยังคงทำอย่างต่อเนื่อง

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากที่มีการผ่อนปรนมาตรการไปแล้ว ทางจังหวัดมีทีมที่ลงพื้นที่ตรวจสอบว่าสถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรนปฏิบัติตามข้อกำหนด เงื่อนไขหรือไม่ซึ่งก็ยังพบว่ามีบางแห่งที่หย่อนยานซึ่งได้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว และหากคณะกรรมการฯไปตรวจสอบเจออีกก็จะถือว่าจงใจฝ่าฝืนคำสั่งซึ่งคณะกรรมการฯสามารถมีคำสั่งปิดกิจการนั้นได้

ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า จากการประชุมของคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้(14พ.ค.)ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อได้  ซึ่งผู้ติดเชื้อรายใหม่นี้ยังอยู่ในระบบการกักตัวและค้นหาเจอ ส่วนมาตรการที่ศบค.กำหนดไว้ทางจังหวัดเชียงใหม่ยังคงไว้เช่นเดิม ยังไม่เพิ่มหรือผ่อนปรนใดเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามสิ่งที่หมอเป็นห่วงคือ ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการทั้งสวมหน้ากาก ล้างมือ ทิ้งระยะห่างและหากพบว่าตัวเองมีอาการไข้หรือสงสัยจะติดเชื้อให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อได้ ส่วนมาตรการผ่อนปรนระยะต่อไปจะเป็นเมื่อไหร่ต้องรอศคบ.ประกาศก่อน แต่ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือประชาชนและผู้ประกอบการปฏิบัติตามที่ศบค.และที่จังหวัดแนะนำไป

นอกจากนั้นในเรื่องของการคัดกรองทางจังหวัดยังดำเนินการอยู่ โดยได้แบ่งกลุ่มมเข้าจังหวัด 2 กลุ่มคือกลุ่มจังหวัดที่ปลอดภัยและกลุ่มเสี่ยง โดยจังหวัดที่ยังพบผู้ป่วยในระยะ 28 วันถ้าเดินทางมาจากจังหวัดเหล่านี้จะต้องทำการกักตัว 14 วันหากมีภูมิลำเนาในเชียงใหม่ผ่อนปรนให้กักตัวที่บ้านได้ แต่ถ้าไม่มีต้องกักตัวอยู่ในสถานที่ที่จังหวัดกำหนด หากเป็นคนเชียงใหม่หากผ่านด่านคัดกรองแล้วต้องเข้าสู่โฮมคอรันทีทันที

“ทางจังหวัดได้สั่งการให้ทุกอำเภอเตรียมพื้นที่สำหรับเป็นสถานที่กักตัวระดับอำเภอ เพราะบางพื้นที่อาจจะมีปัญหาปฏิเสธคนที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงให้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ ก็จะได้ไปกักตัวอยู่ที่ Local Quarantine ซึ่งขณะนี้มีสิบกว่าอำเภอที่พร้อมแล้ว แต่อำเภอไหนหากไม่พร้อมก็จะมีพื้นที่ระดับจังหวัดเป็นสถานที่กักตัวให้ ส่วนผู้ที่กักตัวอยู่ที่บ้านก็จะให้ทีมโควิดหมู่บ้านเข้าไปดูแล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นำชุมชน คนในชุมชนจะเป็นผู้ดูแลเรื่องอาหารยังชีพให้ ซึ่งก็ขอให้ชาวเชียงใหม่มั่นใจในระบบและการทำงานของทุกภาคส่วนและให้ความร่วมมือปฏิบัติตามข้อแนะนำของศคบ.และคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดเชียงใหม่ด้วย”นายเจริญฤทธิ์ กล่าวชี้แจง.

You may also like

 รมช.คมนาคมเปิดการทดลองเดินรถโดยสารHOP&GO เชื่อมโยงโครงข่ายสาธารณะไปยัง 7 แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่

จำนวนผู้