“เจริญฤทธิ์”เปิดใจก่อนเกษียณอายุราชการไปเป็นราษฏรเต็มขั้น เผยตลอด 2 ปีทุ่มเทกำลัง กาย ใจและสติปัญญาอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์สุขของชาวเชียงใหม่โดยรวม ยอมรับมารับหน้าที่ช่วงโควิดฯระบาดทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็ทำให้เชียงใหม่ผ่านวิกฤตมาได้ ขณะที่”รองฯโจ้”แจงชีวิตหลังเกษียณจะนำความรู้ประสบการณ์ช่วยสังคม
เมื่อวันที่ 28 ก.ย.64 ที่ห้องประชุม 3 อาคารอำนวยการศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวประจำสัปดาห์ต่อสื่อมวลชนก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนศกนี้ โดยมีนายสำเริง ไชยเสน รองผวจ.เชียงใหม่ซึ่งจะเกษียณอายุราชการเช่นเดียวกันและนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร รองผวจ.เชียงใหม่เข้าร่วมในการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตลอดช่วงระยะเวลาที่มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งอีก 2 วันก็จะครบ 2 ปีเต็ม ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนและทุกๆ สิ่งที่ชาวเชียงใหม่ได้ให้ไว้ตลอดช่วงเวลาการทำงานที่เชียงใหม่ เพื่อให้ภารกิจหน้าที่สำเร็จลุล่วงด้วยดี แต่ก็ขอยอมรับว่ามีข้อจำกัดหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในช่วงที่มารับตำแหน่งหน้าที่โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้การขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเชียงใหม่ไม่ดีเท่าที่ควร แต่โดยภาพรวมก็ถือว่าช่วยทำให้เชียงใหม่ผ่านวิกฤตมาได้
“ผมเชื่อว่าภายใต้การนำของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่คนใหม่จะทำให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากนี้ต่อไปได้ ซึ่งศบค.ได้มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แล้วก็เชื่อว่าต่อไปภาวะทั้งหลายจะได้คลี่คลาย ซึ่งตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยการทุ่มเทของทุกภาคส่วนทั้งราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนโดยเฉพาะทีมโควิดตำบล หมู่บ้านได้ร่วมกันขับเคลื่อนและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งถือว่าการบริหารจัดการทำได้ดี เพราะเชียงใหม่ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อจนล้นโรงพยาบาล และสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้อยู่ในภาวะที่ไม่เป็นอันตรายต่อประชาชนส่วนใหญ่แม้จะมีการ์ดตกไปบ้าง แต่เชียงใหม่เราก็สามารถปรับสถานการณ์การรับมือได้ทันทีเมื่อมีการแจ้งเตือน”ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวและว่า
สำหรับสถานการณ์ฝุ่นควันและpm2.5 ทางจังหวัดได้ทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมซึ่งสามารถสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจและสามารถลดพื้นที่เผาไหม้ พื้นที่เสียหายจากไฟป่าและจุดความร้อนลงได้ ซึ่งตนเชื่อว่าทิศทางการทำงานลักษณะนี้จะทำให้สถานการณ์ปัญหาฝุ่นpm2.5 ค่อยๆ ดีขึ้น โดยมีการนำบทเรียนและประสบการณ์ที่ผ่านมาเข้าสู่กระบวนการวางแผนแก้ไขในปีต่อไป โดยเฉพาะวิถีการประกอบอาชีพ
นายเจริญฤทธิ์ กล่าวอีกว่า หลังวันที่ 30 กันยายนนี้ ตนก็จะเป็นชาวเชียงใหม่ เป็นประชาชนเต็มขั้น การพบและได้มาทำงานที่บ้านเกิดไม่ใช่เหตุบังเอิญ รวมถึงทุกคนที่ได้มารู้จักกันและทำงานร่วมกัน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผมทุ่มเทกำลังกาย ใจและสติปัญญาอย่างเต็มที่ โดยส่วนตัวผมพอใจในสิ่งที่ได้ทุ่มเทไปและคิดว่าทำได้ในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว แต่อย่างไรก็ตามอาจจะมีหลายคนที่ยังไม่พอใจแต่ก็ไม่เป็นไร และหากมีสิ่งใดที่ล่วงเกินหรือทำให้ไม่สบายใจก็ต้องขออภัย แต่ผมมั่นใจว่าสิ่งที่คิดและตัดสินใจทำตลอดที่ผ่านมาก็เพื่อประโยชน์สุขของชาวเชียงใหม่ทั้งสิ้น
ทางด้านนายสำเริง ไชยเสน รองผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้กลับมาทำงานในฐานะรองผวจ.เชียงใหม่ก่อนจะเกษียณอายุราชการ หลังจากก่อนหน้านั้นก็ทำงานที่เชียงใหม่มาแล้วและได้รับผิดชอบงานด้านเศรษฐกิจ ซึ่งยอมรับว่าปัญหาโควิดทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเป็นไปด้วยความยากลำบากแต่ก็ไม่เคยลดละความพยายาม ซึ่งต้องขอบคุณทุกภาคส่วน แม้จะเกษียณอายุราชการแต่ก็จะอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่และนำความรู้ ประสบการณ์มาช่วยสังคมตามโอกาสต่อไป
จากนั้นนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร รองผวจ.เชียงใหม่พร้อมด้วยนางสาวชนิสา ชมศิลป์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ได้มอบของที่ระลึกในโอกาสเกษียณอายุราชการและนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ได้มอบไฟฉายขนาดพกพาให้กับสื่อมวลชนเป็นสัญลักษณ์แสงสว่างนำทางไปสู่จุดหมายความสำเร็จและปลอดภัยและอวยพรขอให้สื่อมวลชนประสบความสุขและโชคดีตลอดไป.
