“ฮิโดกิแลนด์”ทุ่มงบนำเข้าซากุระจากเกาะคิวซู 3 สายพันธุ์ 1,300 ต้นปลูกรอบโครงการ

“ฮิโดกิแลนด์”ทุ่มงบนำเข้าซากุระจากเกาะคิวซู 3 สายพันธุ์ 1,300 ต้นปลูกรอบโครงการ

- in headline, ท่องเที่ยว, นันทนาการ

“ฮิโดกิแลนด์”ทุ่มงบนำเข้าซากุระจากเกาะคิวซู 3 สายพันธุ์ 1,300 ต้นปลูกรอบโครงการเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสซากุระของจริง ออกดอกบานสะพรั่งถึงสิ้นเดือนมี.ค. คาดปีหน้าจะเป็นมนต์เสน่ห์ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มมากขึ้น

นายอนิรุทธิ์ จึงสุดประเสริฐ ประธานบริหาร บริษัทบ้านไม้หอมฮิโนกิไชยปราการ จำกัด ผู้ดำเนินโครงการฮิโนกิแลนด์ บ้านร้องธาร หมู่ 6 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ฮิโนกิแลนด์ได้เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้รับการตอบรับที่ดี และในขณะนี้ทางโครงการได้นำต้นซากุระ ซึ่งเป็นซากุระแท้จากเกาะคิวซู ประเทศญี่ปุ่นมาปลูกถือเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย โดยต้นซากุระล็อตแรกที่ปลูกและกำลังออกดอกในขณะนี้มีจำนวน 300 ต้น ความสูงประมาณ 2.5 เมตร และในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้จะนำซากุระล็อตที่ 2 ลงปลูกในโครงการอีก 1,000 ต้น รวมทั้งหมด 1,300 ต้น โดยซากุระนี้จะออกดอกไปจนถึงช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้

ประธานบริหาร บริษัทบ้านไม้หอมฮิโนกิไชยปราการ  กล่าวอีกว่า สำหรับต้นซากุระที่นำเข้ามาปลูกในครั้งนี้มี 3 สายพันธุ์ คือ ขาวกลีบเดี่ยว จำนวน 300 ต้น ขาวกลีบซ้อน 500 ต้น และแดงกลีบซ้อนจำนวน 500 ต้น แต่เมื่อดอกออกมาจะเป็นสีชมพู ต่างจากดอกนางพญาเสือโคร่งในบ้านเรา ซากุระนี้ดอกออกมาสวยมาก เพราะเป็นสายพันธุ์แท้ แต่ที่ปลูกและออกดอกได้เพราะสภาพอากาศที่ไชยปราการนี้ใกล้เคียงและมีสภาพที่เหมาะสมกับการปลูกซากุระได้ จึงได้นำเข้ามาทางเรือโดยใส่ตู้คอนเทรนเนอร์ ซึ่งซากุระ ล็อตแรกที่ปลูกมีอายุ 12 ปี และเริ่มติดดอก เมื่ออายุ 8 ปี ส่วนซากุระล็อตที่ 2 ที่จะปลูกในวันที่ 25 ก.พ.นี้ เป็นต้นใหญ่ และติดดอกมากกว่าล็อตแรก ลำต้นสูง 3 – 3.5 เมตร ที่ลงทุนนำเข้าซากะรุก็เพราะอยากให้คนไทยที่ไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นได้เห็นและสัมผัสกับซากุระจริงๆ

“ผมเชื่อว่าในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของเชียงใหม่ปีหน้า ดอกซากุระที่เราปลูกไว้ 1,300 ต้น จะเบ่งบานสวยงาม และจะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเชียงใหม่ และที่ไชยปราการนี้เพิ่มขึ้น 2-3 เท่าตัว จากเดิมที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ7,000-8,000 คน  ซึ่งต้นซากุระก่อนที่จะนำมาปลูกต้องได้รับอนุญาตจากทางการของเกาะคิวซูประเทศญี่ปุ่นก่อนโดยมีข้อตกลงคือห้ามขยายพันธุ์เพื่อการค้าหรือจำหน่าย และสถานกงสุลญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ได้มาสำรวจโครงการแล้ว”นายอนิรุทธ์ กล่าวและชี้แจงอีกว่า

สำหรับความคืบหน้า การก่อสร้างอาคารเจแปนทาวน์ ซึ่งเป็นอาคารจำหน่ายสินค้าของญี่ปุ่นโดยตรง ภายในจะมีร้านค้าหรือแหล่งช็อปปิ้งของนักท่องเที่ยว และลงทุนไปแล้วกว่า 1,200 ล้านบาทแต่ยังไม่เสร็จทั้งหมด โดยมีแผนงานที่จะสร้างออนเซ็น และที่พักในปลายปีนี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีหน้าซึ่งอาจใช้เงินลงทุนอีกประมาณ 800 ล้านบาท รวมมูลค่าลงทุนทั้งหมดของโครงการฮิโดกิแลนด์แล้วประมาณ 2,000 ล้านบาท.

You may also like

builds มช. ขนทัพสตาร์ทอัพนักศึกษาคับคั่ง พิสูจน์ความสำเร็จ ตั้งบริษัทจริงระหว่างเรียน

จำนวนผู้