สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ยันยังรับมือสถานการณ์ไหวหากยังอยู่ในระดับปัจจุบัน ปัดยืนยันข้อมูลผู้ป่วยเข้าข่าย แจงส่วนกลางสั่งห้ามเด็ดขาดระบุเพื่อให้ข้อมูลชัดเจนรอรัฐมนตรีฯแถลง เผยต้องการอุปกรณ์ป้องกันตัวแพทย์ผู้รักษาเพิ่ม เตรียมหารือผู้ว่าฯยกระดับการคัดกรองและจัดซื้ออุปกรณ์เพื่อกระจายการคัดกรองให้เข้มข้น
เมื่อเวลา 11.05 น. วันที่ 27 มกราคม 2563 ที่ห้องประชุม 3 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่ นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นพ.วรเชษฐ์ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ในส่วนของพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า สืบเนื่องจากมีข้อมูลที่สับสน โดยเฉพาะตัวเลขที่ไม่แน่นอนและแต่ละสื่อให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกัน หลายข้อมูลเป็นข้อมูลที่สับสน จากจำนวนพบผู้เข้าข่ายสอบสวนโรค ทำให้ส่วนกลางไม่พอใจและออกมาตรการสั่งห้ามไม่ให้ส่วนภูมิภาคให้ข้อมูลเรื่องจำนวนผู้ป่วย โดยทางส่วนกลางจะเป็นผู้แถลงให้ข้อมูลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้เป็นข้อมูลเดียวกัน
“ในส่วนของพื้นที่จึงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ อาจจะต้องรอทางส่วนกลางแถลงทุกวัน เรื่องผู้ป่วยจะให้ข้อมูลได้ต่อเมื่อผ่านการแถลงข่าวแล้ว จึงขอสื่อมวลชนรอฟังแถลงข่าวจากส่วนกลาง หรือหากอยากรู้ว่าเชียงใหม่เป็นอย่างไรก็ให้ส่งตัวแทนไปถาม ส่วนในพื้นที่ก็ได้เพิ่มเรื่องมาตรการเฝ้าระวังจากเดิมที่เน้นนักท่องเที่ยวจีนที่มาจากอู๋ฮั่นก็เพิ่มล่าสุดคือกวางโจวด้วย”นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวและชี้แจงอีกว่า
ทางเราให้ข้อมูลจากสายการบินในระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้ได้เพิ่มเรื่องมาตรการคัดกรองผู้ป่วย จากโรงพยาบาลเอกชน 17 แห่ง คลินิกอีก 1 พันกว่าแห่งรวมถึงร้านขายยาซึ่งจะช่วยคัดกรองผู้ป่วยที่เข้าข่ายส่งมาให้ตรวจ และกำลังจะเพิ่มในส่วนของมัคคุเทศก์โดยจะทำหนังสือผ่านท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพื่อส่งข้อมูลให้กับไกด์ในการช่วยคัดกรอง โดยให้สังเกตอาการตามลักษณะเข้าข่าย 3 ข้อก็ให้แจ้งเข้าระบบ รวมไปถึงที่พัก เกสท์เฮ้าส์ต่างๆ จะส่งเอกสารไปให้ โดยลงลึกถึงระดับตำบลที่มีรีสอร์ท ที่พักบริการนักท่องเที่ยว โดยจะให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเอาข้อมูลไปให้เพื่อให้ระบบการคัดกรองเข้มแข็งขึ้น
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า สำหรับโรงพยาบาลที่มีห้องความดันลบและมีเวชภัณฑ์ในการดูแลผู้ป่วย ในจังหวัดเชียงใหม่มีโรงพยาบาลนครพิงค์และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพที่ 1 โรงพยาบาลลำพูน โรงพยาบาลลำปางและโรงพยาบาลเชียงรายซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือดูแลสำหรับผู้ป่วยเข้าข่ายโรคนี้
“ผมยอมรับว่ามีความกังวลเพราะเชียงใหม่เป็นเมืองใหญ่มีนักท่องเที่ยวจีนมาเยอะและมีโอกาสการแพร่ระบาดได้ จึงได้เร่งการคัดกรองและนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ในเชียงใหม่มีเครื่องเทอร์โมสแกนเพียงบ 2 เครื่องๆ ละล้านกว่าบาท เครื่องแรกใช้อยู่ที่สนามบินเพื่อคัดกรองนักท่องเที่ยวขาเข้าต่างประเทศ และอีกเครื่องของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งวันนี้ได้นำไปคัดกรองที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และก็มีเครื่องวัดอุณหภูมิด้วยมือ ซึ่งเครื่องเทอร์โมสแกนอาจะdetectหรือตรวจพบคนป่วยไม่ได้เพราะบางคนอาจจะกินยาลดไข้ไปแล้ว เพราะฉะนั้นต้องใช้ข้อมูลด้วย โดยขอให้สังเกตอาการ และจะขอความร่วมมือห้างสรรพสินค้าให้ประชาสัมพันธ์และช่วยในการคัดกรอง”นพ.จตุชัย กล่าวและว่า
เราคงจะไม่ติดตามนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด แต่จะติดตามผู้ที่สัมผัสทั้งหมด และมั่นใจว่าเชียงใหม่จะสามารถรับมือสถานการณ์ได้ถ้ายังเป็นอยู่ในระดับปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้สิ่งที่จังหวัดเชียงใหม่อยากได้เพิ่มเติมคืออุปกรณ์ในการป้องกันตัวแพทย์ที่รักษา เพราะต้องใช้อุปกรณ์ค่อนข้างเยอะ
ทางด้านนพ.วรเชษฐ์ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีคนเข้าข่ายสอบสวนโรคที่ต้องดูแลอยู่ เพราะฉะนั้นทุกรายจะใช้มาตรการดูแลสูงสุด ต้องใช้เครื่องมือเยอะ ผู้ต้องสงสัย 1 รายต้องใช้ชุดเครื่องมือถึง 60 ชุดต่อวันเพราะต้องเข้า-ออกบ่อยครั้ง เครื่องมือเหล่านี้โรงพยาบาลนครพิงค์มีอยู่ระดับหนึ่ง แต่ก็มีคนไข้เข้ามาเรื่อยๆ ปัจจุบันได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและสำนักงานควบคุมโรค รวมทั้งได้ร้องขอจากส่วนกลางด้วย และทางโรงพยาบาลนครพิงค์ได้สั่งซื้อเอกด้วยส่วนหนึ่ง ณ วันนี้ยังมีของพร้อมใช้อยู่ และจะซื้อเครื่องวัดอุณหภูมิเพิ่มในวันนี้เพื่อเอาไปคัดกรองในชุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า รีสอร์ท โรงแรม ที่พักต่างๆ และจะหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เพื่อยกระดับให้เป็นวาระจังหวัดเพื่อให้ผู้ว่าฯสั่งการและขอความร่วมมือในการคัดกรองด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ไม่ยืนยันตัวเลขว่ามีผู้ที่เข้าข่ายสอบสวนโรคในปัจจุบันเป็นจำนวนเท่าใด แต่ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ป่วยที่มีเชื้อโคโรน่า
