สภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ผนึกกำลัง 4 องค์กรประกาศเจตนารมย์แสดงจุดยืนเพื่อรักษาชื่อเสียงของสถาบัน

สภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ผนึกกำลัง 4 องค์กรประกาศเจตนารมย์แสดงจุดยืนเพื่อรักษาชื่อเสียงของสถาบัน

สภามหาวิทยาลัยแม่โจ้เดือด กรณีผู้บริหารถูกร้องเรียนยังอยู่ในชั้นพิจารณาของป.ป.ช.แต่ชื่อเสียงกำลังถูกย่ำยี 4 องค์กรผนึกกำลังประกาศเจตนารมย์แสดงจุดยืนเรียกร้องความถูกต้องและเป็นธรรมพร้อมขอให้กรรมการ สกอ.มีอิสระอย่าตั้งธง

วันที่ 4 มิ.ย. 2561 ที่ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้  รศ.ดร.วีระพล ทองมา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในฐานะเลขานุการสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วย ผศ.ดร.ประสิทธิ์ โนรี นายกสมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้,ผศ.ดร.พาวิน มะโนชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และนายอภิสิทธิ์ เสนามาตย์ นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกันชี้แจงกรณีผู้บริหารถูกร้องเรียนด้านธรรมาภิบาลและเรียกร้องให้มีการใช้อำนาจ(ม.44)ยุติบทบาทการบริหารของผู้บริหารมหาวิทยาลัย โดยกล่าวหาว่าใช้อำนาจมิชอบทั้งการนำทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยไปใช้ในภารกิจส่วนตัว เช่น ทอดผ้าป่าเสริมบารมี รวมถึงการใช้รถประจำตำแหน่ง ทั้งๆ ที่เบิกค่าเดินทางแบบเหมาจ่ายตามระเบียบกระทรวงการคลังไปแล้วเดือนละกว่า 30,000 บาท

ทั้งนี้ได้มีการชี้แจงว่า กรณีที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ว่ามีผู้ร้องเรียนและขอให้กระทรวงศึกษาธิการเข้ามาดำเนินการใช้อำนาจยุติการบริหารงานของผู้บริหารมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยมีการร้องเรียนกล่าวหาในหลายประเด็น ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา(สกอ.) ได้มีหนังสือลับ ฉบับลงวันที่ 2 เมษายน 2561 แจ้งสรุปข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจากการพิจารณาของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกรณีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ว่าร้องเรียนกล่าวหาต่าง ๆ ดังกล่าวไม่มีมูล มีเพียง 2 ประเด็น ซึ่งทาง สกอ. ยังมีความเห็นต่าง และขอให้สภามหาวิทยาลัยแม่โจ้พิจารณาดำเนินการตรวจสอบ

โดยสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้เคยดำเนินการใน 2 ประเด็นดังกล่าว โดยประเด็นกล่าวหาเรื่อง “การใช้รถยนต์ น้ำมันเชื้อเพลิง และค่าเบี้ยเลี้ยงของพนักงานขับรถยนต์ที่เป็นทรัพย์สินของทางราชการในงานทอดผ้าป่าเสริมบารมีของอธิการบดี” นั้น ชี้แจงว่าการจัดงานทอดผ้าป่าดังกล่าว เป็นการจัดงานของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ชื่อว่า “ผ้าป่าสามัคคี แม่โจ้-แม่ทา” ณ วัดทาศาลา จังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 19-21 ธันวาคม 2557 ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พ.ศ.2539 ซึ่งกำหนดว่า มหาวิทยาลัยแม่โจ้มีวัตถุประสงค์ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทำการสอน การวิจัย ให้บริการวิชาการแก่สังคม และทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นภารกิจหลักในการดำเนินการของมหาวิทยาลัย

ทั้งนี้กรณีดังกล่าวได้มีการร้องเรียนต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งทางสำนักงาน ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติไม่รับเรื่อง และได้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชา (สภามหาวิทยาลัยแม่โจ้) ดำเนินการต่อไป ซึ่งสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้มีการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัย และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงจากชุดผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก ผลการพิจารณาสรุปว่า การทอดผ้าป่าดังกล่าวเป็นกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เป็นการจัดทอดผ้าป่าเสริมบารมีของอธิการบดีแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้ได้รายงานผลให้ สกอ. และสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ทราบตามลำดับแล้ว ซึ่งกรณีนี้ผู้ร้องเรียนยังได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจภูธรแม่โจ้ด้วย โดยพนักงานสอบสวนได้พิจารณาหลักฐานแล้วมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง

ขณะที่ประเด็นการกล่าวหาเรื่องมีการใช้รถยนต์ส่วนกลางของมหาวิทยาลัยเป็นรถประจำตำแหน่งของอธิการบดี กรณีนี้ขอชี้แจงว่า เนื่องจากเรื่องนี้ผู้ร้องเรียนได้ส่งเรื่องไปให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการสอบสวน โดยเวลานี้อยู่ระหว่างการดำเนินการไต่สวนของสำนักงาน ป.ป.ช. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ไม่อาจก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานดังกล่าวได้ อย่างไรก็ดีสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นในประเด็นนี้แล้ว สรุปว่าไม่มีมูล

ภายหลังการชี้แจงทางตัวแทน 4 องค์กรหลักของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ประกอบด้วยสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้,คณะกรรมการผู้บริหารมหาวิทยาลัยแม่โจ้,สมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ ระบุว่ากรณีการนำเสนอข่าวดังกล่าว กล่าวหาเกี่ยวกับธรรมาภิบาลของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นการนำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียวอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จึงขอแสดงจุดยืนเรียกร้องความถูกต้องและเป็นธรรม เพื่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย โดยจะร่วมมือการดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดี รวมตลอดถึงบุคคลที่ไม่มีตัวตน แอบห้างความเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย และผู้แสดงข้อความที่บิดเบือนและไม่เป็นความจริงกล่าวหามหาวิทยาลัย

นอกจากนี้ศิษย์เก่าม.แม่โจ้หลายคนได้แสดงความเห็นและไม่พอใจที่เรื่องดังกล่าว นำความเสื่อมเสียมาถึงชื่อเสียงของสถาบัน โดยเรียกร้องให้ศิษย์เก่าช่วยกันปกป้องชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของสถาบัน เพราะที่ผ่านมาแม่โจ้อยู่กันแบบพี่แบบน้อง แต่พอมีเรื่องเกิดขึ้นและอยู่ในชั้นการสอบสวนดำเนินการ กลับทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขุดคุ้ยไม่ยอมหยุดหรือจะต้องให้ถึงกับแบ่งหมู่ แบ่งพรรค แบ่งพวกถึงจะพอใจ ดังนั้นสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ สมาคมศิษย์เก่าม.แม่โจ้เราต้องเรียกร้องขอให้กรรมการสกอ.มีอิสระมากกว่านี้ เพราะอนุกรรมการที่ตั้งกรรมการมาสอบ 10 คนนั้น 8 คนเป็นผู้ร้องหรือผู้กล่าวหาแต่สอบผู้ถูกกล่าวหาเพียง 2 คนคืออธิการบดีและเลขาฯ ซึ่งมันเหมือนกับมีการตั้งธงไว้.

You may also like

 รมช.คมนาคมเปิดการทดลองเดินรถโดยสารHOP&GO เชื่อมโยงโครงข่ายสาธารณะไปยัง 7 แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่

จำนวนผู้