รมช.พาณิชย์สั่งเร่งระบายลำไยสดออกนอกแหล่งผลิตหวังไม่ให้ฉุดราคาร่วงลงกว่าปัจจุบัน

รมช.พาณิชย์สั่งเร่งระบายลำไยสดออกนอกแหล่งผลิตหวังไม่ให้ฉุดราคาร่วงลงกว่าปัจจุบัน

รมช.พาณิชย์นำคณะหารือสถานการณ์ร่วมแก้ไขปัญหาลำไย พร้อมเร่งระบายลำไยสดออกนอกแหล่งผลิตให้เร็วเพื่อพยุงราคาไม่ให้ตกต่ำกว่าปัจจุบัน หวังมหาดไทยเปิดทางให้ทุกอำเภอช่วยกระจายแห่งละ 3 ตัน พร้อมกับใช้ช่องทางกองทุนหมู่บ้านรับซื้อ ส่วนพาณิชย์รับเป็นแม่งานรณรงค์ให้คนไทยกินลำไยสดมากขึ้น

 วันที่ 3 ส.ค.60 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุม 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะได้ประชุมหารือสถานการณ์การผลิตและการตลาดลำไย ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ปีการผลิต 2560 เพื่อเร่งหาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาราคาลำไยที่ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง

นายประมวล เครือมณี หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่การเพาะปลูกลำไยในฤดูสูงถึง 215,464 ไร และมีผลผลิต 134,106 ตัน ซึ่งขณะนี้เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไยในฤดูตั้งแต่มิถุนายนจนถึงปัจจุบัน ประมาณร้อยละ 42.หรือ 47,456 ตัน โดยผลผลิตส่วนใหญ่มาจากพื้นที่อำเภอจอมทอง สันป่าตอง ฮอด ดอยเต่า หางดง แม่วาง และดอยหล่อ โดยผลผลิตราคาลำไยในฤดูแบบช่อ เมื่อเทียบกับราคาปี 2559 ที่ผ่านมา มีราคาตกต่ำอย่างมาก และมีราคาต่ำกว่าปี 2557 ที่พบว่ามีปัญหาผลผลิตตกต่ำ

ปัจจุบัน ราคาเบอร์ AA อยู่ที่ 20-24 บาท , เบอร์ A 17-20 บาท , เบอร์ B 15-17 บาท และ เบอร์  C 10-12 บาท ซึ่งมีราคาตกต่ำลงไปมากเมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ AA อยู่ที่ 38 บาท , เบอร์ A 33.06 บาท , เบอร์ B 24.19 บาท และ เบอร์  C 20.88 บาท นอกจากนี้ยังประสบกับปัญหาด้านการส่งออกที่ขณะนี้ทางประเทศจีนมีการรับซื้อผลผลิตที่น้อยลงมาก จนทำให้เกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาดขาดช่องทางในการจำหน่าย รวมถึงปัจจัยต่างๆ ซึ่งต้องมีการเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรและเศรษฐกิจของไทย

ภายหลังการประชุมและรับฟังสถานการณ์จากทุกภาคส่วน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การดำเนินการต่อจากนี้จะมีด้วยกัน 3 ประเด็นหลังที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาปัญหาอย่างแรกคือการกระจายลำไยสดที่เหลือออกสู่ตลาดโดยเร็วที่สุด แม้ว่าจะดูล่าช้าไปบ้าง แต่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้ส่วนที่เหลือบอบช้ำหรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งมาตรการนี้ได้เริ่มมีการดำเนินการไปบ้างแล้ว บางส่วนได้รับการตอบรับแต่บางส่วนยังต้องรอคำตอบ ที่ดำเนินการไปแล้วคือ ได้มีการเจรจากับห้างสรรพสินค้าต่างๆ ขอให้มีการรับซื้อลำไยผลสดเพิ่มขึ้นให้ได้มากที่สุด ตัวเลขที่ได้มาขณะนี้สามารถกระจายไปยังห้างสรรพสินค้าต่างๆ ได้ประมาณ 2,000 กว่าตัน

นอกจากนี้จะได้พูดคุยกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกอำเภอช่วยกระจายลำไยไปถึงมือผู้บริโภคโดยตั้งเป้าไว้ขอให้กระจายได้อำเภอละ 3 ตัน ในประเด็นนี้ยังต้องรอคำตอบแต่ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้ทุกช่องการจำหน่ายของกระทรวงที่มีอยู่ เร่งกระจายลำไยไปยังผู้บริโภคในทุกช่องทางซึ่งยังรอตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้ง

รมช.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้มีการพูดคุยกันในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรีที่จะให้มีการกระจายผ่านกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 3,000 แห่ง ตอนนี้รอแค่ตัวเลขที่จะมีการสั่งซื้อเข้ามา พร้อมกันนี้จะเร่งรณรงค์ให้มีการบริโภคลำไยผลสดในประเทศเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของการกระจายลำไยที่เป็นผลสด กระทรวงพาณิชย์จะเป็นแม่งานในการดำเนินการ เพื่อให้ลำไยผลสดไปสู่ผู้บริโภคได้มากที่สุด

สำหรับลำไยรูดร่วงที่จะเข้าสู่กระบวนการอบแห้ง ซึ่งมีมากถึง 50-60% จะต้องเร่งหาตลาดปลายทางเพื่อระบายออกให้ได้มากที่สุด ขณะนี้ลำไยอบแห้งที่เก็บไว้เต็มตู้คอนเทรนเนอร์ต้องเร่งกระจายสินค้าให้ได้ ส่วนที่จะต้องดูต่อคือการหาเงินชดเชยโรงอบขนาดเล็กเพื่อรองรับหรือรับซื้อลำไยได้มากขึ้น จุดนี้คงต้องพูดคุยกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ ถึงแนวทางที่จะสามารถดำเนินอย่างไรได้อีก สำหรับกรณีที่ผู้นำท้องถิ่นซึ่งเป็นตัวแทนของพี่น้องเกษตรกร เรียกร้องเกี่ยวกับการเยี่ยวยาชดเชยที่เกษตรกรชาวสวนลำไยต้อประสบภาวะขาดทุนนั้น จะต้องมีการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งว่าจะหาทางช่วยเหลือได้อย่างไร

นายสนธิรัตน์ ยอมรับว่า ปัญหาลำไยปีนี้ส่วนหนึ่งมาจากตลาดการส่งออกที่เปลี่ยนแปลง หลายตลาดถูกล็อคด้วยกระบวนการต่างๆ มากมาย ซึ่งต่อไปต้องเร่งหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มให้ได้และหน่วยงานการค้าระหว่างประเทศต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในการที่ขับเคลื่อนให้เป็นไปได้ ประเด็นนี้จะเป็นเรื่องในอนาคตที่ต้องดำเนินการ ที่สำคัญของการที่มาครั้งนี้คืออย่าให้ราคาลำไยต่ำกว่านี้ลงไปอีก วิธีการจัดการต้องเร็ว และต้องดันให้ราคาสูงขึ้นไปได้ และประการสุดท้ายคือการเยียวยา ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร ซึ่งทั้งหมดต้องเดินหน้าดำเนินการให้สุดกำลัง

ทางด้านเกษตรกรชาวสวนเองต้องขายเหมาต้นลำไยให้พ่อค้าโค่นนำไปเผาถ่าน เนื่องจากราคาขายไม่คุ้มทุนกับการดูแลทั้งค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าแรงงานในการเก็บเกี่ยว ในราคาเหมา 4 พันบาท มีต้นลำไยทั้งหมด 15 ต้น ซึ่งต้นลำไยทั้งหมดอายุเฉลี่ยประมาณ 20 กว่าปี และเจ้าของสวนเพิ่งเก็บลูกลำไยเสร็จได้ไม่นาน ขณะที่พ่อค้าขายถ่าน กล่าวว่า ปกติตนจะรับซื้อเหมาต้นลำไย และตัดเป็นฟืน เพื่อนำไปส่งให้โรงงานอบลำไย ในราคากิโลกรัมล่ะ 1.30 – 1.40 บาท ซึ่งต้นลำไยแก่ 1 ต้นจะได้ฟืนประมาณ 1 ตัน ทำให้การซื้อเหมาลำไยของสวนทั้งหมด 15 ต้นจะได้ฟืนทั้งหมด 15 ตัน รวมเป็นเงินประมาณ 15,000 บาท แต่เนื่องจากปี 2558 พื้นที่ตำบลแม่สอยประสบปัญหาภัยแล้งทำให้ต้นลำไยยืนต้นตาย

ด้านนางเหรียญ ต้นถาง ชาวสวนลำไย บ้านหนองห่าย ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตนมีสวนลำไยประมาณ 15 ไร่ ขณะนี้ติดผลประมาณ 200 ต้น คาดว่าผลลำไยจะโตและเก็บเกี่ยวช่วงกลางเดือนนี้ เมื่อเห็นราคาลำไยช่วงนี้ทำให้เกิดความท้อแท้ จึงหันมารับจ้างเก็บลำไยแทนเนื่องจากรายได้ยังดีกว่าขายลำไยเฉลี่ยวันล่ะประมาณ 500 บาท โดยค่าแรงที่ได้จากการเก็บลำไยจะนำไปชำระหนี้ ธกส.ซึ่งจะหวังเงินจากการขายลำไยอย่างเดียวคงไม่ได้ อย่างไรก็ตามต้นลำไยของตนทั้งหมดที่ติดผลใช้เงินลงทุนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท หากราคาลำไยยังตกอยู่อย่างนี้สงสัยต้องนำลำไย ใส่ถุงแจกชาวบ้านตามถนนเนื่องจากจะให้ไปจ้างแรงงานมาเก็บลำไยขายคงไม่คุ้มอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ราคาลำไยในพื้นที่ตำบลแม่สอย พบว่าผลผลิตลำไยบางส่วนเริ่มแตกและเน่า เกิดจากฝนตกประกอบกับขาดแคลนแรงงานทำให้ชาวสวนเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ทัน ซึ่งจากการสำรวจราคาลำไยช่วงนี้เกรด AA อยู่ที่กิโลกรัมล่ะ 12 บาท A 6 บาท B 4 บาท และเกรด C กิโลกรัมล่ะ 1 บาท ซึ่งราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ กิโลกรัมล่ะ 5.75 บาทเท่านั้น.

You may also like

“ส.ว.ก๊อง”ลั่นลงสมัครป้องกันแชมป์สมัยหน้าในนามพรรคเพื่อไทย แย้มครั้งนี้ “ทักษิณ” ขอเป็นผู้ช่วยหาเสียง พร้อมลงพื้นที่ 25 อำเภอ

จำนวนผู้