นักลงทุนล้นหลาม แห่เข้าฟังการนำเสนอข้อมูลของซันสวีทก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ “องอาจ”เผยผลกำไร 3 ไตรมาสปีนี้แตะยอดใกล้เคียงทั้งปีที่ผ่านมา แจงการเข้าตลาดหลักทรัพย์ยิ่งทำให้องค์กรมีเสถียรภาพและส่งผลต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ที่โรงแรมดิเอ็มเพรสเชียงใหม่ บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) ได้เชิญนักลงทุนเข้าร่วมรับฟังการแนะนำและรายละเอียดเบื้องต้นของหุ้น IPO ซึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุนก่อนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยนายองอาจ กิตติคุณชัย CEO sunsweet plc เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ที่ซันสวีทเข้าตลาดหลักทรัพย์เพราะต้องการใช้เงิน เพื่อใช้ในการลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อขยายกำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต, ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะทำให้องค์กรเป็นปึกแผ่น มีเสถียรภาพและส่งผลต่อเกษตรกรและทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วย
ทั้งนี้บมจ.ซันสวีท (SUN) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) version แรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 14 ก.ย.60 เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยมีการโรดโชว์เพื่อนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน 5 จังหวัดๆ แรกที่ชลบุรี หาดใหญ่ เชียงใหม่ ขอนแก่น และในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ที่ตลาดหลักทรัพย์
สำหรับภาพรวมของธุรกิจบริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) (SUN) แบ่งเป็น 3 ส่วนคือธุรกิจผลิตและจำหน่าย 1) ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูป และ 2) ผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตรอื่นๆ ประกอบด้วย ข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง ข้าวโพดหวานบรรจุถุงสุญญากาศพร้อมรับประทานและข้าวโพดหวานแช่แข็ง
“กว่าจะมาถึงวันนี้ผมได้ฝ่าฟันอุปสรรคมามาก ซึ่งก่อนจะมาทำข้าวโพดหวานก็เคยทำลำไย ลิ้นจี่บรรจุกระป๋องส่งออกมาแล้วทำได้ 3-5 ปีซึ่งก็ยอมรับว่าในช่วงนั้นในการทำเกษตรแปรรูปค่อนข้างเสี่ยงมากในเรื่องเงินทุนหมุนเวียน แต่ผมก็โชคดีที่ได้หุ้นส่วนจากมาลีช่วยแนะนำ และปี 2540 ช่วงฟองสบู่แตกผมก็เจอวิกฤตเป็นหนี้มหาศาลแต่ไม่เคยคิดจะถอยหรือยอมแพ้แม้มีบางคนแนะนำให้หนีไปลงทุนที่อื่น ก็ฝ่าฟันมาจนถึงปี 2547 ก็สามารถชำระหนี้ได้หมดแล้วผมก็ตั้งเป้าหมายเมื่อปี 2558 ว่าภายใน 3 ปีจะนำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์”ประธานบริษัทซันสวีท กล่าวและชี้แจงอีกว่า
สำหรับรายได้ของซันสวีทเอง 90% มาจากการผลิตและจำหน่ายข้าวโพดหวาน ซึ่งอย่างที่บอกตอนต้นว่าผลิตภัณฑ์มี 3 ชนิดคือข้าวโพดกระป๋องสัดส่วนร้อยละ 70 และข้าวโพดแช่แข็งกับข้าวโพดฝักพร้อมรับประทานอีกร้อยละ 30 ส่วนอีก 2-3% จะมาจากธุรกิจเทรดดิ้งคือซื้อมา ขายไปภายใต้แบรนด์เคซี เช่น ข้าวสาร หอมหัวใหญ่ มะพร้าว น้ำมันพืชซึ่งก็แล้วแต่ลูกค้าจะออเดอร์
บริษัทฯมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ 140-150 ล้านบาท ซึ่งรายได้ของไตรมาส 3 ปี 2560 อยู่ที่ ,274 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจากการขายในประเทศร้อยละ 20 และส่งออกต่างประเทศร้อยละ 80 โดยฐานลูกค้าของเรามี 370 รายจากทั่วโลก กว่า 70 ประเทศ ยอมรับว่าปีนี้กำไรสุทธิมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะเราได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิต ซึ่งปีที่ผ่านมากำไรสุทธิอยู่ที่ 112 ล้านบาท แต่ 3 ไตรมาสของปีนี้กำไรสุทธิก็ใกล้เคียงตลอดทั้งปีแล้วโดยอยู่ที่ 111 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 12-13 ล้านบาทต่อเดือน
สำหรับบริษัทซันสวีท ธุรกิจคือผลิตและจำหน่ายข้าวโพดหวานแปรรูปและผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตรอื่น ๆ มีทุนจดทะเบียน 215.00 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 150.00 ล้านบาท ส่วนบริษัท ซันสวีท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (SI) ทุนจดทะเบียน 5.00 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 5.00 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับจัดหาและซื้อมาจำหน่ายไปซึ่งผลิตภัณฑ์อาหาร และผลผลิตทางการเกษตร ทั้งนี้จำนวนหุ้น IPO ของซันสวทีที่จะขายจำนวน 130 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 30.23 ของจำนวนหุ้นหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้.
